หลายคนดูแลปั๊มลมด้วยการเปลี่ยนน้ำมัน เช็กแรงดัน หรือหมั่นตรวจสอบเสียงเครื่องอยู่เสมอ แต่มีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้ามไป นั่นก็คือ “กรองอากาศเสื่อมสภาพ” ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ บ่อนทำลายสมรรถนะของปั๊มลมทีละนิดจนบางครั้งถึงขั้นต้องซ่อมหนักโดยไม่รู้ตัว!

คุณรู้ไหมครับว่าเพียงแค่กรองอากาศตัน ๆ ชิ้นเดียว สามารถลากให้ปั๊มลมกินไฟเพิ่ม ลมอ่อน เครื่องร้อนจัด หรือแม้กระทั่งทำให้เครื่องพังเร็วขึ้นได้เลยทีเดียว? ถ้าไม่อยากเจอค่าใช้จ่ายก้อนโตแบบไม่ทันตั้งตัว มาดูกันว่าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมแนวทางแก้ไขง่าย ๆ ที่ทำได้เองแบบมือโปร!

ปัญหาที่เกิดจากกรองอากาศเสื่อมสภาพ

1. ปั๊มลมทำงานหนักเกินปกติ เมื่อกรองอากาศตัน ฝุ่นหรือเศษผงอัดแน่นจนการไหลเวียนของอากาศติดขัด ทำให้ปั๊มลมต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูดอากาศเข้าไป ผลที่ตามมาคือสิ้นเปลืองพลังงาน และเสี่ยงต่อความร้อนสูงเกิน

2. ลมอัดออกมาน้อยลง ลมที่ออกจากปั๊มลมจะเริ่มอ่อนแรง เพราะอากาศเข้าได้น้อยลง ส่งผลให้เครื่องจักรหรือระบบผลิตในโรงงานทำงานสะดุด ไม่เต็มประสิทธิภาพ

3. สิ้นเปลืองน้ำมันและค่าไฟมากขึ้น กรองตัน = ปั๊มทำงานหนัก = กินไฟมากขึ้น! ไม่เพียงแค่นั้น การใช้ปั๊มลมในสภาวะโหลดสูงตลอดเวลา ยังทำให้น้ำมันหล่อลื่นเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย

4. เครื่องร้อนจนพัง ถ้าไม่รีบแก้ไข การที่ปั๊มลมทำงานหนักและร้อนจัดสะสมบ่อย ๆ มีโอกาสทำให้เครื่องพังเสียหายใหญ่ ต้องเสียค่าซ่อมปั๊มลมก้อนโตแน่นอน

5. อายุการใช้งานปั๊มลมสั้นลง การปล่อยให้กรองอากาศเสื่อมสภาพโดยไม่เปลี่ยน จะลดอายุปั๊มลมโดยตรง อาจสั้นกว่ามาตรฐานโรงงานที่ตั้งไว้หลายปีเลยครับ


แนวทางแก้ไขแบบมืออาชีพ

1. ตรวจเช็กกรองอากาศสม่ำเสมอ อย่างน้อยเดือนละครั้ง แนะนำให้ถอดกรองออกมาตรวจดู หากมีฝุ่นจับหนาแน่น หรือเนื้อกรองหมองคล้ำผิดปกติ นั่นคือสัญญาณว่าควรเปลี่ยนแล้วครับ

2. เปลี่ยนกรองอากาศตามระยะเวลาที่แนะนำ โดยทั่วไป ควรเปลี่ยนกรองอากาศทุก 2,000 – 3,000 ชั่วโมง การใช้งาน หรือปีละ 1-2 ครั้ง แล้วแต่สภาพแวดล้อมที่ใช้งาน หากอยู่ในพื้นที่ฝุ่นเยอะ ควรเปลี่ยนบ่อยขึ้น

3. เลือกใช้กรองอากาศคุณภาพสูง อย่าประหยัดผิดที่! การเลือกกรองอากาศเกรดพรีเมียมที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ปั๊มลมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้อีกยาว ๆ เลยครับ

4. ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ทันทีเมื่อพบปัญหา หากพบว่ากรองตันมาก การเคาะฝุ่นอาจช่วยได้บ้าง แต่ถ้าเนื้อกรองเริ่มขาด หลุดลุ่ย หรือฉีกขาด ต้องเปลี่ยนใหม่ทันที อย่ารอให้ปัญหาลุกลาม

5. วางแผนบำรุงรักษาปั๊มลมอย่างเป็นระบบ จดบันทึกชั่วโมงการทำงาน เช็กตารางเปลี่ยนกรอง และติดตามสภาพเครื่องอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงปัญหาหนัก ๆ ได้มากเลยครับ


บทความที่เกี่ยวข้อง:


สรุป

อย่ามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ อย่าง การเปลี่ยนกรองอากาศ นะครับ เพราะมันมีผลต่อทั้งประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของปั๊มลมโดยตรงเลย ถ้าอยากให้ปั๊มลมของคุณทำงานเต็มกำลัง ไม่ต้องเสียค่าซ่อมบ่อย อย่าลืมตรวจเช็กและเปลี่ยนกรองอากาศตามรอบเสมอ ✨

หากกำลังมองหา กรองอากาศคุณภาพสูง ราคาคุ้มค่า ติดต่อเรา SSP COMPRESSOR PART จำหน่ายอะไหล่ปั๊มลมคุณภาพสูงได้เลย!

 

ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาฟรี

 

📞 098-507-2241 📞 065-190-5999