Oil Filter มีกี่ประเภท

Oil Filter เป็นส่วนประกอบที่มีบทบาทสำคัญในระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์และปั๊มลม ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรก เศษโลหะ และตะกอนที่อาจปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง หากไม่มีการกรองที่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ ประเภทของ Oil Filter ที่ใช้กันทั่วไป ความแตกต่างของแต่ละแบบ พร้อมวิธีใช้งานที่เหมาะสม


1. Spin-On Oil Filter (ไส้กรองน้ำมันแบบกระป๋อง)

Oil Filter แบบ Spin-On เป็นชนิดที่พบได้ทั่วไปในเครื่องยนต์รถยนต์และเครื่องจักรขนาดกลางถึงใหญ่ มีโครงสร้างเป็นกระป๋องโลหะที่ภายในบรรจุไส้กรองน้ำมัน โดยตัวกระป๋องมีเกลียวที่สามารถหมุนเข้า-ออกเพื่อเปลี่ยนได้ง่าย

ข้อดี

  • ติดตั้งและเปลี่ยนง่าย ไม่ต้องแยกชิ้นส่วนภายใน
  • มีตัวกรองในตัว ลดการซึมของน้ำมันออกนอกระบบ
  • มีหลายขนาดให้เลือกตามความต้องการของเครื่องยนต์

ข้อเสีย

  • มีราคาสูงกว่าแบบไส้กรองเปลือย
  • ไม่สามารถเปลี่ยนเฉพาะไส้กรอง ต้องเปลี่ยนทั้งกระป๋อง

การใช้งานที่เหมาะสม

  • เครื่องยนต์รถยนต์ทั่วไป
  • รถบรรทุกและเครื่องจักรขนาดกลาง
  • ปั๊มลมบางรุ่นที่รองรับการใช้งานแบบ Spin-On

2. Cartridge Oil Filter (ไส้กรองน้ำมันแบบเปลือย)

Cartridge Oil Filter มีลักษณะเป็นไส้กรองเปลือย ไม่มีโครงโลหะหุ้มเหมือน Spin-On ต้องติดตั้งเข้าไปในตัวกรองที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ทำให้สามารถเปลี่ยนเฉพาะไส้กรองได้

ข้อดี

  • ราคาถูกกว่าประเภท Spin-On
  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดขยะโลหะ
  • สามารถเปลี่ยนเฉพาะไส้กรองได้ ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งกระป๋อง

ข้อเสีย

  • การติดตั้งและเปลี่ยนอาจยุ่งยากกว่าประเภท Spin-On
  • ต้องใช้ตัวเรือนกรองที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์แต่ละรุ่น

การใช้งานที่เหมาะสม

  • เครื่องยนต์ที่ทันสมัยและเครื่องจักรที่รองรับระบบไส้กรองเปลือย
  • ระบบปั๊มลมที่ต้องการลดต้นทุนการบำรุงรักษา

3. Magnetic Oil Filter (ไส้กรองน้ำมันแบบแม่เหล็ก)

Magnetic Oil Filter มีคุณสมบัติพิเศษคือการใช้แม่เหล็กช่วยดักจับเศษโลหะที่อาจปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง โดยทั่วไปจะใช้ร่วมกับไส้กรองน้ำมันแบบอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกรอง

ข้อดี

  • สามารถดักจับเศษโลหะที่เล็กมากๆ ได้
  • ลดความเสียหายที่อาจเกิดจากโลหะขนาดเล็กที่หมุนเวียนในระบบ
  • ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย สามารถทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถกรองสิ่งสกปรกที่ไม่ใช่โลหะ เช่น ฝุ่นหรือเขม่า
  • ต้องใช้งานร่วมกับไส้กรองน้ำมันแบบอื่นๆ เพื่อการกรองที่สมบูรณ์

การใช้งานที่เหมาะสม

  • เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเกิดเศษโลหะในระบบหล่อลื่นสูง
  • ระบบไฮดรอลิกที่ต้องการกรองโลหะขนาดเล็กเพื่อป้องกันความเสียหาย

4. High-Efficiency Oil Filter (ไส้กรองน้ำมันแบบประสิทธิภาพสูง)

Oil Filter ประเภทนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถกรองสิ่งสกปรกได้ละเอียดกว่าปกติ มีความสามารถในการกรองอนุภาคเล็กถึง 5 ไมครอนขึ้นไป ทำให้เหมาะกับเครื่องยนต์ที่ต้องการน้ำมันสะอาดเป็นพิเศษ

ข้อดี

  • มีประสิทธิภาพในการกรองสูง ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
  • ช่วยลดปริมาณการสะสมของตะกอนน้ำมัน
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในระบบหล่อลื่น

ข้อเสีย

  • มีราคาสูงกว่าประเภทไส้กรองทั่วไป
  • ต้องใช้ร่วมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การใช้งานที่เหมาะสม

  • เครื่องยนต์ที่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ เช่น รถยนต์สมรรถนะสูง
  • ระบบปั๊มลมที่ต้องการความสะอาดของน้ำมันในระดับสูง

สรุป: เลือก Oil Filter อย่างไรให้เหมาะสม?

  • หากต้องการไส้กรองที่เปลี่ยนง่าย Spin-On เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
  • ถ้าต้องการลดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อม Cartridge Filter เป็นทางเลือกที่ดี
  • หากกังวลเรื่องเศษโลหะในระบบหล่อลื่น Magnetic Filter เป็นตัวช่วยที่ดี
  • ถ้าต้องการการกรองที่มีประสิทธิภาพสูงสุด High-Efficiency Filter คือคำตอบ

การเลือก Oil Filter ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และปั๊มลม แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณต้องการ Oil Filter คุณภาพสูงที่เชื่อถือได้ อย่าปล่อยให้เครื่องจักรของคุณเสี่ยงกับไส้กรองที่ไม่มีคุณภาพ! SSP COMPRESSOR PART คัดสรรไส้กรองมาตรฐานสูงสุด รองรับทุกประเภทของเครื่องยนต์และปั๊มลม พร้อมให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอะไหล่ปั๊มลมโดยเฉพาะ 📞 โทรหาเราเลย หรือสอบถามเพิ่มเติมทาง เว็บไซต์ของเรา เพื่อให้เครื่องของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ!

 

ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาฟรี

 

📞 098-507-2241 📞 065-190-5999